National ITMX จับมือ MasterCard เปิดตัว PromptCard Debit Mastercard
เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2560 ที่ผ่านมา NITMX ร่วมกับ MasterCard ได้เปิดตัว PromptCard Debit Mastercard บัตรเดบิตร่วมครั้งแรกในประเทศไทย ภายใต้แบรนด์ PromptCard โดยบัตร PromptCard Debit Mastercardที่ได้รับการพัฒนาใหม่นี้สามารถรองรับการใช้งานทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงการทำธุรกรรมออนไลน์ได้ เป็นการตอบสนองต่อแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติของภาครัฐ ที่ต้องการส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล และสังคมไร้เงินสด โดยผู้บริโภคและองค์กรธุรกิจจะได้รับประโยชน์จากการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่สะดวกสบาย ปลอดภัย มีความมั่นคง และมีประสิทธิภาพมากขึ้น
PromptCard Debit Mastercardเป็นบัตรเดบิตร่วมที่จะมอบความอุ่นใจที่ผู้ถือบัตรชาวไทยต้องการ เพราะมาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยชั้นนำได้มาตรฐานระดับโลกด้วยเทคโนโลยีชิปและรหัส (ChipandPIN) ทั้งยังเปิดโอกาสให้ผู้ใช้จับจ่ายใช้สอยสินค้าจากเครือข่ายร้านค้าของมาสเตอร์การ์ดได้ทั่วโลก รวมถึงสามารถใช้ถอนเงินสด โอนเงิน และทำธุรกรรมทางการเงินอื่นๆ ผ่านเครื่องเอทีเอ็ม รวมถึงการชำระเงินให้ร้านค้าในประเทศไทยและทั่วโลกได้อีกด้วย
คุณสิริธิดา พนมวัน ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายระบบการชำระเงินและเทคโนโลยีทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย ( ธปท.) เปิดเผยว่า ความร่วมมือระหว่าง National ITMX และ MasterCard ในครั้งนี้ สอดคล้องกับนโยบายของ ธนาคารแห่งประเทศไทยและทางการ ในการผลักดันเพื่อลดการใช้เงินสดและเพิ่มการใช้บัตรเดบิตให้เกิดประโยชน์มากขึ้น เพื่อให้ประชาชนได้รับความสะดวก ปลอดภัย และลดต้นทุนในการทำธุรกรรมการชำระเงิน ด้วยการใช้บัตรเดบิตแทนการถอนเงินสดหรือการใช้เช็ค รวมทั้งให้ร้านค้ามีทางเลือกในการรับชำระเงินได้มากขึ้น โดยมีค่าธรรมเนียมที่ถูกลง ลดความยุ่งยากในการบริหารจัดการเงินสด
การออกบัตร PromptCard สำหรับผู้ใช้บริการในประเทศ รวมถึงบัตรที่ออกร่วมกับ MasterCardสำหรับผู้ใช้บริการทั้งในและต่างประเทศนั้น ถือเป็นตัวอย่างความร่วมมือของภาคการเงินในการส่งเสริมการใช้บัตรเดบิตตามนโยบายของภาครัฐ ทั้งในด้านของการใช้มาตรฐานชิปการ์ดกลาง และการพัฒนาเครือข่ายบัตรในประเทศ รวมทั้งบัตรที่ออกร่วมกัน ซึ่งจะทำให้ประชาชนและร้านค้าได้รับความสะดวก ปลอดภัย มีต้นทุนในการทำธุรกรรมทางการเงินลดลง ส่งเสริมกิจกรรมการชำระเงินที่สะดวกคล่องตัวมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อการขยายตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในระยะต่อไป
ธปท.ได้มีนโยบายและผลักดันให้มีการใช้บัตรเดบิตแทนเงินสดมาโดยตลอด ได้สร้างความเชื่อมั่นและความปลอดภัยให้กับระบบ กำหนดให้บัตรเอทีเอีมและบัตรเดบิตที่ออกใหม่ตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค.59เป็นต้นไปต้องเป็นบัตรชิปตามมาตรฐานชิปการ์ดกลางแทนบัตรแถบแม่เหล็กแบบเดิมและภายในสิ้นปี 2562 บัตรแถบแม่เหล็กทุกใบจะต้องเปลี่ยนเป็นบัตรชิปทั้งหมด
คุณวรรณา นพอาภรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เนชั่นแนล ไอทีเอ็มเอ๊กซ์ จำกัดกล่าวว่า ระยะเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมา มีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในระบบการชำระเงินของประเทศไทย คือ การพัฒนาระบบพร้อมเพย์ ซึ่งเป็นทางเลือกใหม่ในการโอนเงินและรับเงินของประชาชน ทำให้มีความสะดวกมากขึ้น เพียงมีหมายเลขโทรศัพท์หรือเลขที่บัตรประชาชนก็สามารถโอนเงินได้โดยไม่ต้องขอเลขบัญชีของผู้รับโอน อีกทั้งค่าธรรมเนียมการโอนเงินผ่านพร้อมเพย์ยังถูกกว่าการโอนเงินรูปแบบเดิมเป็นอย่างมาก สามารถเพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้ภาคส่วนต่างๆด้วยระบบการชำระเงินที่มีประสิทธิภาพ โครงการพร้อมเพย์ นับว่าเป็นหนึ่งในความสำเร็จของบริษัท เนชั่นแนลไอทีเอ็มเอ็กซ์ ในปีที่ผ่านมา เนื่องจากบริษัทฯได้รับความไว้วางใจให้เป็นผู้ดำเนินการสร้างระบบกลางเพื่อเชื่อมต่อ PromptPay ให้สามารถทำธุรกรรมข้ามถึงกันได้ทุกธนาคาร นับเป็นโครงการที่ตอบรับกับนโยบาย National e-Payment ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานระบบการชำระเงินของประเทศ
นอกจากนี้ บริษัทเนชั่นแนลไอทีเอ็มเอ็กซ์ จำกัด ยังได้พัฒนาโครงการต่างๆ ที่สอดคล้องและสนับสนุนนโยบายภาครัฐอย่างต่อเนื่องเรื่อยมา โดยในปีนี้บริษัทฯได้ร่วมกับธนาคารสมาชิก และบริษัทพันธมิตร MasterCardInternational ในการออกบัตร Debit PromptCard และ PromptCard MasterCard Co-Badged ซึ่งเป็นอีกหนึ่งโครงการที่จะสนับสนุนนโยบาย National e-Payment ในการขยายการใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์และขยายอุปกรณ์รับชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ ช่วยให้ประชาชน ภาคธุรกิจ และภาครัฐ สามารถเข้าถึงและใช้บริการชำระเงินผ่านบัตรอิเล็กทรอนิกส์ได้อย่างแพร่หลาย เนื่องจากบัตรเป็นสื่อการชำระเงินที่สะดวก ปลอดภัย และพกพาง่าย ประชาชนมีความคุ้นเคยเป็นอย่างดี ซึ่งการใช้จ่ายผ่านบัตรอิเล็กทรอนิกส์จะช่วยลดการใช้เงินสดของประชาชน และช่วยลดภาระต้นทุนการบริหารจัดการเงินสดของธนาคารลงได้
บทบาทหน้าที่สำคัญของบริษัท เนชั่นแนล ไอทีเอ็มเอ็กซ์ จำกัด คือ ผู้ทำหน้าที่เชื่อมโยงระบบและประมวลผลข้อมูลธุรกรรมการชำระเงินระหว่างธนาคารผ่านบัตรเดบิต PromptCard และ MasterCard Co-Badged สำหรับรายการชำระเงินภายในประเทศทั้งหมด ช่วยให้กลไกการชำระเงินผ่านบัตรเดบิตเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และสามารถสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนและร้านค้าผู้รับบัตร
สำหรับความร่วมมือกับพันธมิตรครั้งงนี้ เนื่องจากบริษัทฯ ตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีและการพัฒนาไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วของระบบการชำระเงินผ่านบัตร จึงได้ร่วมคือกับบริษัทพันธมิตร MasterCardผู้ซึ่งเป็นผู้นำทางเทคโนโลยีที่ทันสมัยและให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัยสูงสุดมาให้บริการแก่ลูกค้าของธนาคารสมาชิกผู้ออกบัตร PromptCard และ PromptCardDebit MasterCard เพื่อให้ธนาคารสมาชิกผู้ออกบัตรมั่นใจว่าบัตร Local Debit PromptCard และ PromptCard debit mastercard จะพัฒนาไปตามเทคโนโลยีแห่งอนาคต เพื่อรองรับการใช้จ่ายในยุค Digital e-Commerce ได้อย่างปลอดภัยภายใต้มาตรฐาน EMV Chip Card ที่สามารถใช้บัตรกับทุกการใช้จ่ายทั้งในประเทศ และบนเครือข่ายของ Master Cardทั่วโลก
นายเดวิด ชาน รองประธานอาวุโสฝ่ายพัฒนาตลาด ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มาสเตอร์การ์ด กล่าวว่า “มาสเตอร์การ์ดมีความมุ่งมั่นต่อประเทศไทยอย่างเต็มที่ และพร้อมสนับสนุนแผนยุทธศาสตร์ของรัฐบาลอย่างแข็งขันเพื่อวางรากฐานเศรษฐกิจดิจิทัลและสังคมไร้เงินสด วันนี้เรามีความยินดีที่ได้มีส่วนสำคัญต่อการส่งเสริมอนาคตการชำระเงินในประเทศไทยด้วยการเปิดตัวพร้อมการ์ด เดบิต มาสเตอร์การ์ดร่วมกับเนชั่นแนล ไอทีเอ็มเอ๊กซ์ เพื่อผลักดันศักยภาพด้าน อี-คอมเมิร์ซของประเทศไทยอย่างแท้จริง เราให้ความสำคัญกับการสนับสนุนเครือข่ายการชำระเงินที่ใช้เทคโนโลยีการชำระเงินรูปแบบใหม่ล่าสุดซึ่งให้ความมั่นคงปลอดภัยและเรียบง่าย”
นายโดนัลด์ ออง ผู้จัดการประจำประเทศไทยและเมียนมาร์ มาสเตอร์การ์ด กล่าวว่า“พร้อมการ์ด เดบิต มาสเตอร์การ์ดคืออีกหนึ่งตัวอย่างสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของมาสเตอร์การ์ดต่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์การชำระเงินนวัตกรรมใหม่ที่ช่วยให้ผู้บริโภคทำธุรกรรมได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น และมั่นคงกว่าที่เคยเป็นมา พร้อมกับมอบความอุ่นใจได้มากกว่าเดิม การเปิดตัวในวันนี้คือการดำเนินการที่มีความสำคัญอย่างมากที่สะท้อนถึงก้าวแรกที่ยิ่งใหญ่ของการเป็นพันธมิตรกับเนชั่นแนล ไอทีเอ็มเอ๊กซ์”
ในเบื้องต้น พร้อมการ์ด เดบิต มาสเตอร์การ์ดจะได้รับการสนับสนุนจากธนาคาร 4 แห่งที่เป็นพันธมิตรอย่างยาวนาน ได้แก่ธนาคารซิตี้แบงก์ ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารธนชาต และธนาคารยูโอบี บัตรดังกล่าวยังสามารถใช้ได้กับเครือข่ายร้านค้าของมาสเตอร์การ์ดทั่วโลกได้อีกด้วย