...

บริษัท เนชั่นแนล ไอทีเอ็มเอ๊กซ์ จำกัด ผนึก สมาคมธนาคารไทย ธปท.- เครือข่ายภาคเอกชน

บริษัท เนชั่นแนล ไอทีเอ็มเอ๊กซ์ จำกัด ผนึก สมาคมธนาคารไทย ธปท.- เครือข่ายภาคเอกชน
โดย : bc@itmx.co.th bc | 16 ธันวาคม 2564

วันที่ 15 ธันวาคม 2564 เวลา 11.00 น. บริษัท เนชั่นแนล ไอทีเอ็มเอ๊กซ์ จำกัด สมาคมธนาคารไทย ธนาคารสมาชิก ได้ร่วมกันจัดงานแถลงข่าวเปิดตัวโครงการ Digital SupplyChain Finance ผ่านระบบ Online โดยได้รับเกียรติจากท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ) ในการกล่าวเปิดงาน

โครงการ Smart Financial and Payment Infrastructure for Business เป็นโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินและการชำระเงินที่ธนาคารแห่งประเทศไทย ภาครัฐ สถาบันการเงิน บริษัท เนชั่นแนล ไอทีเอ็มเอ๊กซ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันพัฒนา เพื่อให้ภาคธุรกิจมีบริการทางการค้าและการเงินดิจิทัล ช่วยลดต้นทุนและเวลาในการดำเนินธุรกิจอย่างครบวงจร สร้างความคล่องตัว เชื่อมโยงระหว่างคู่ค้าได้สะดวก และสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่ายขึ้นจากข้อมูลการค้า ส่งเสริมการปรับตัวของธุรกิจไปสู่ดิจิทัล ซึ่งขณะนี้โครงการได้ดำเนินมาถึงขั้นตอนการเริ่มใช้งานจริง โดยมีธนาคารและผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการและเริ่มทดสอบรายการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ภาครัฐให้ความสำคัญกับการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยเฉพาะการเสริมศักยภาพการแข่งขันของธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของเศรษฐกิจไทย อีกทั้งกระทรวงการคลังยังได้นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้เป็นเครื่องมือในการดำเนินมาตรการของรัฐบาล ดังนั้นโครงการ Digital Supply Chain Finance ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างสมาคมธนาคารไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสมาคมผู้ค้าปลีกไทย เป็นอีกหนึ่งกุญแจสำคัญในการยกระดับธุรกิจ SMEs เป็นไปตามนโยบายรัฐบาลที่พยายามผลักดันให้ธุรกิจรายย่อยมีโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในอัตราที่เหมาะสมและเป็นธรรมอย่างยั่งยืน ผ่านเทคโนโลยีดิจิทัล ซึ่งจะเป็นหนึ่งในโครงสร้างพื้นฐานในระบบการเงินที่สำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนประเทศก้าวเข้าสู่เศรษฐกิจดิจิทัลอีกทางหนึ่ง

นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่าในยุคที่โลกเศรษฐกิจและการเงินต้องเผชิญกับกระแสดิจิทัล ธนาคารแห่งประเทศไทยเร่งส่งเสริมและผลักดันการนำเทคโนโลยีดิจิทัลในการพัฒนาประสิทธิภาพระบบการชำระเงินและบริการทางการเงิน ให้ตอบโจทย์ความต้องการของทุกภาคส่วน ตัวอย่างที่สำคัญ คือ การพัฒนาระบบพร้อมเพย์ ที่ทำให้การโอนเงินและชำระเงินของคนไทยเป็นเรื่องง่าย สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย และมีต้นทุนที่ถูกลง ถือเป็นจุดเปลี่ยนของการชำระเงินของคนไทย สะท้อนจากการเติบโตที่รวดเร็วของการชำระเงินดิจิทัล

มาถึงวันนี้ โครงการ Smart Financial and Payment Infrastructure for Business จะเป็นอีกก้าวสำคัญของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการชำระเงิน เพื่อยกระดับความสามารถในการแข่งขันของภาคธุรกิจไทย กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย หน่วยงานภาครัฐ ภาคธนาคาร และภาคธุรกิจ ร่วมกันพัฒนาการเชื่อมโยงข้อมูลการค้า การชำระเงินของภาคธุรกิจ ข้อมูลผู้ให้บริการทางการเงินและระบบภาษีของภาครัฐเข้าด้วยกันผ่านกระบวนการดิจิทัล

โครงการนี้ ประกอบด้วยบริการหลัก 2 ด้าน ด้านแรก คือ บริการด้านการค้าและการชำระเงิน ที่จะเชื่อมข้อมูลข้างต้นอย่างครบวงจร ด้านที่สอง คือ บริการด้านสินเชื่อ หรือ Digital Supplychain Finance เป็นการนำข้อมูลจากบริการด้านการค้าและการชำระเงินมาใช้ประโยชน์ในการให้สินเชื่อเพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ธุรกิจ SMEs ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ได้อย่างทันการณ์และพร้อมปรับตัวสู่โลกใหม่

ถ้าจะเปรียบ “พร้อมเพย์” เป็น game changer ที่ช่วยผลักดันการชำระเงินดิจิทัลของภาคประชาชน “โครงการ Smart Financial and Payment Infrastructure for Business” ที่มีบริการ Digital Supplychain Finance เป็นองค์ประกอบ ก็จะสามารถเป็น game changer ที่จะช่วยสนับสนุนภาคธุรกิจในการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่กระแสดิจิทัลได้ดีเช่นเดียวกัน

นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างและซ้ำเติมข้อจำกัดการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในรูปแบบเดิมๆ ของผู้ประกอบการ SMEs สมาคมธนาคารไทยจึงได้หารือกับธปท. สภาหอการค้า ส.อ.ท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือ SMEs ให้สามารถเข้าถึงสินเชื่อในระบบได้ง่ายขึ้น ผ่านโครงการ Digital Supply Chain Finance ภายใต้แผนงาน SMART Financial & Payment Infrastructure for Business ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อรองรับธุรกรรมการซื้อ-ขายในรูปแบบดิจิทัล ทดแทนการออกและรับเอกสารทางการค้าในรูปแบบกระดาษ ที่มีความไม่คล่องตัว มีข้อกังวลเรื่องการปลอมแปลงเอกสาร และการใช้เอกสารเวียนขอสินเชื่อซ้ำซ้อน (Double Financing) ทำให้ยากต่อการพิจารณาสินเชื่อ โดยแพลตฟอร์มนี้จะเป็นตัวกลางช่วยลดช่องว่างระหว่างกลุ่มธุรกิจที่เป็นผู้ซื้อ ซึ่งมีสภาพคล่องและเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากกว่า ให้มีโอกาสช่วยเหลือซัพพลายเออร์ของตน เพราะขั้นตอนการขายสินค้าหรือบริการของ SMEs หลังจากออกใบแจ้งหนี้ (Invoice) ต้องรอรับการชำระเงินตามเครดิตเทอม อาจมีผลต่อสภาพคล่อง ทั้งนี้ ธนาคารพาณิชย์จะเป็นผู้สนับสนุนทางการเงินให้กับผู้ขาย (SMEs) เพื่อให้ได้รับเงินค่าขายสินค้าทันทีเมื่อการส่งสินค้าเสร็จสิ้น หรือเป็นผู้สนับสนุนทางการเงินให้กับผู้ซื้อเพื่อชำระเงินให้คู่ค้าได้เร็วขึ้น โดยในอนาคตข้อมูลพฤติกรรมผู้ขายและผู้ซื้อภายใต้โครงการ Digital Supply Chain Finance รวมถึงข้อมูลทางเลือกอื่นๆ เช่น ประวัติการชำระค่าสาธารณูปโภค ค่าใช้จ่ายรายเดือนโทรศัพท์มือถือ การซื้อขายสินค้าออนไลน์ เป็นต้น จะถูกจัดส่งให้บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด (NCB) และด้วยเทคโนโลยี AI และ Data Analytics ในการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) จะสามารถพัฒนาขีดความสามารถทางด้าน Alternative Credit Scoring สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ 3 ปีของสมาคมธนาคารไทย ทั้งหมดนี้เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการทางการเงิน และจะเป็นกลไกสำคัญในการช่วยภาคธุรกิจโดยเฉพาะ SMEs ให้กลับมามีศักยภาพในการแข่งขันและเติบโตได้อย่างยั่งยืน และแสดงถึงเจตนารมณ์ของภาคธนาคารในการปล่อยสินเชื่ออย่างมีความรับผิดชอบ และโปร่งใส

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า สภาอุตสาหกรรมฯ มีพันธกิจหลักในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ “Service Organization” เพื่อประสานความร่วมมือกับภาครัฐและภาคเอกชน ในการช่วยเหลือผู้ประกอบการและสมาชิกให้สามารถดำเนินธุรกิจผ่านวิกฤติโควิด-19 โดย 1 ใน 6 ของยุทธศาสตร์ที่ ส.อ.ท. ให้ความสำคัญคือเรื่อง Finance ที่ให้คำปรึกษาด้านการเงินและภาษี การขอกู้เงินและการจัดทำบัญชี การนำเข้าและส่งออก รวมถึงเรื่องการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ส.อ.ท. พยายามผลักดันเสนอมาตรการต่างๆ ต่อภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้สมาชิกรวมถึงผู้ประกอบการ SMEs ในเครือข่ายเข้าถึงแหล่งเงินทุน เพื่อเสริมสภาพคล่องให้ผ่านพ้นช่วงนี้ไปให้ได้ อาทิ โครงการ FTI Faster Payment ที่ให้ผู้ประกอบการรายใหญ่ชำระค่าสินค้าหรือบริการให้แก่คู่ค้าที่เป็น SMEs ภายใน 30 วัน รวมถึงการผลักดันเรื่องสินเชื่อ Supply Chain Factoring ซึ่งได้มีการเสนอไปยังธนาคารแห่งประเทศไทยให้ผลักดันมาตั้งแต่ต้นรวมถึงความร่วมมือกับสถาบันการเงินเพื่อสนับสนุนให้สมาชิกเข้าถึงบริการสินเชื่อ Supply Chain Financing ตั้งแต่ช่วงกลางปีที่ผ่านมา โดยสภาอุตสาหกรรมฯ มีสมาชิกที่เป็นกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีศักยภาพ มีสถานะทางการเงินที่เข้มแข็ง ซึ่งจะสามารถเข้ามาเป็น Buyer ในระบบได้ ขณะนี้มีหลายบริษัทที่แสดงความจำนงเข้าร่วมโครงการแล้ว โดย ส.อ.ท. ขอเชิญชวนผู้ประกอบการให้เข้ามาใช้บริการ Digital SupplyChain Finance Platform กันให้มากขึ้นอีก รวมถึงเชิญชวนผู้ประกอบการรายใหญ่ที่เป็น Buyer ให้เข้าร่วมในโครงการนี้ด้วย เพื่อช่วยเหลือซัพพลายเออร์ในเครือข่ายให้สามารถขับเคลื่อนธุรกิจ สร้างความเข้มแข็ง และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับ Supply Chain ของแต่ละธุรกิจต่อไป โดยขอให้ระบบสามารถออกแบบให้รองรับการใช้งานที่ง่ายทั้งผู้ซื้อและผู้ขายสินค้า เพื่อที่จะมีผู้ประกอบการเข้ามาใช้กันให้มากขึ้น

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวถึงบทบาทของสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ว่า สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ตระหนักถึงความสำคัญ SMEs ที่เป็นกลไกและรากฐานสำคัญของโครงสร้างเศรษฐกิจไทย ซึ่งสอดคล้องกับความมุ่งมั่นของสมาคมผู้ค้าปลีกไทย ที่มีคุณญนน์ โภคทรัพย์ กรรมการบริหาร หอการค้าไทย เป็นประธานสมาคมฯ โดยมุ่งที่จะช่วยเหลือ SMEs โดยเฉพาะธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการปิดเมืองปิดธุรกิจ ซึ่งหลายๆ ธุรกิจมีศักยภาพที่จะกลับมาฟื้นตัวได้ ให้เข้าถึงสินเชื่อต้นทุนต่ำได้อย่างมีคุณภาพและประสิทธิภาพ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในภารกิจ 99 วันที่ต้องเร่งดำเนินการ โดยก่อนหน้านี้ ทั้งสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและสมาคมผู้ค้าปลีกไทยได้ผนึกกำลังกับเครือข่าย ทั้งสมาคมการค้า และ ธนาคารพาณิชย์ในการดำเนินโครงการนำร่องเพื่อเป็นแนวทางในการเสริมสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการค้าปลีกตลอด Supply Chain ด้วยการเชื่อมโยงข้อมูลที่จำเป็นของผู้ประกอบการ SMEs ที่เป็นคู่ค้า มาประกอบการพิจารณาสินเชื่อของภาคธนาคาร ซึ่งเป็นการทดลองทำ Sandbox มีผลลัพธ์ที่ดี เห็นภาพของการดำเนินการ ทำให้ธนาคารเห็นศักยภาพของผู้ประกอบการ มีข้อมูล เข้าใจธุรกิจ ประเมินความเสี่ยงได้ และเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงสินเชื่อของผู้ประกอบการเพื่อให้มีสภาพคล่องในการทำธุรกิจต่อไปได้ ซึ่งผลของการทดลองในวันนั้นก็มีส่วนในการผลักดันให้เกิดโครงการ Digital Supply Chain Platform ขึ้น สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เชื่อมั่นว่าจะช่วยให้ SMEs สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนและสิทธิประโยชน์จากภาคการธนาคารได้จริงและมีประสิทธิภาพ อีกทั้ง ยังอำนวยประโยชน์ในการสร้างฐานข้อมูลทางธุรกิจที่เป็น Big Data อย่างแท้จริงให้เกิดขึ้น สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ต้องขอขอบคุณ สมาคมธนาคารไทย ธนาคารแห่งประเทศไทย สมาคมและหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องทุกหน่วยงานที่ทำให้โครงการนี้เดินหน้าและช่วย SMEs ให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้

นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย กล่าวว่า SMEs มีความสำคัญต่อระบบเศษฐกิจไทยเป็นอย่างมาก เปรียบเสมือนกระดูกสันหลังของเศรษฐกิจไทย ที่ครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ โดยในภาคการค้าและบริการ มีจำนวนผู้ประกอบการ SMEs อยู่ในระบบกว่า 1.4 ล้านราย คิดเป็น 45% ของ SMEs ทั้งประเทศ มีการจ้างงานเกือบ 10 ล้านคน และมีมูลค่าทางเศรษฐกิจถึง 2.1 ล้านล้านบาท คิดเป็น 13 % ของ GDP การบริโภคทั้งประเทศ ซึ่งในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้ SMEs ขาดรายได้กระทันหัน กระทบต่อการจ้างงาน สมาคมผู้ค้าปลีกไทยจึงได้ริเริ่มทำโครงการซอฟต์โลนแซนด์บ็อกซ์เพื่อให้ความช่วยเหลือ SMEs อย่างเร่งด่วน พร้อมร่วมกับ สมาคมธนาคารไทย ธนาคารแห่งประเทศไทย NITMX หอการค้าไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สมาคมศูนย์การค้าไทย และสมาคมต่างๆ ในเครือข่ายทั่วประเทศ สร้างแพลตฟอร์ม Digital Supplychain Finance โดยสมาคมฯ จะเป็นตัวเชื่อมระหว่างผู้ขายและสถาบันการเงิน เนื่องจากสมาชิกของสมาคมฯ ถือว่าเป็นผู้ซื้อรายใหญ่ระดับประเทศ ระดับภูมิภาค และระดับจังหวัด ทั้งนี้ ผู้ซื้อดังกล่าวจะเชื่อมโยงข้อมูลการสั่งซื้อสินค้าและการจ่ายเงินของผู้ขายที่ได้รับความยินยอมแล้ว เข้าไปไว้บน Platform เพื่อให้สถาบันการเงินนำไปใช้เป็นหลักฐานการประกอบการพิจารณาสินเชื่อ และอาศัยเครดิตของผู้ซื้อรายใหญ่ ซึ่งจะสามารถอนุมัติสินเชื่อได้สะดวก รวดเร็ว ด้วยต้นทุนต่ำ มีความเสี่ยงหนี้เสียน้อยลง และตรวจสอบ ป้องกัน การให้สินเชื่อซับซ้อน (Double Invoicing) แพลตฟอร์มนี้ จึงเป็นการสร้างมาเพื่อประโยชน์สำหรับทุกฝ่ายอย่างแท้จริง และถือเป็นฟันเฟืองหลักให้ SMEs ก้าวข้ามข้อจำกัดเรื่องแหล่งเงินทุน สร้างแต้มต่อในการทำธุรกิจและขยายการดำเนินธุรกิจ รวมทั้งเป็นการเสริมศักยภาพในการแข่งขันให้กับ SMEs ไทย เป็นการต่อลมหายใจให้กับ SMEs ให้พลิกฟื้นธุรกิจ ยกระดับเศรษฐกิจทั้งระบบให้กลับมาแข็งแกร่งได้อีกครั้ง

ทั้งนี้ สมาคมธนาคารไทย กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย สภาหอการค้า สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมผู้ค้าปลีกไทย ขอเชิญชวนผู้ประกอบการรายใหญ่ทางธุรกิจ เข้าร่วมในโครงการเพื่อช่วยเหลือซัพพลายเออร์ในเครือข่ายให้สามารถขับเคลื่อนธุรกิจต่อไปได้ โดยสามารถแจ้งความประสงค์ได้ที่ ธนาคารที่เข้าร่วมโครงการ และผู้ประกอบการ SMEs (Seller) ที่ต้องการร่วมใช้บริการระบบ Smart Financial & Payment Infrastructure สามารถแจ้งความประสงค์หรือติดต่อสอบถามได้ที่ ผู้ประกอบการคู่ค้าของท่าน โดยสามารถตรวจสอบรายชื่อบริษัทคู่ค้าที่เข้าร่วมโครงการได้ที่เวปไซต์ของสมาคมธนาคารไทย www.tba.or.th

บริษัท เนชั่นแนล ไอทีเอ็มเอ็กซ์ จำกัด
15 ธันวาคม 2564

...
NITMX เผยสถิติการใช้งานระบบชำระเงินดิจิทัล พร้อมเพย์ ประจำเดือนตุลาคม 2567 ซึ...
...
บริษัท เนชั่นแนล ไอทีเอ็มเอ๊กซ์ จำกัด (NITMX) จัดโครงการ Hack to the Max Digi...
...
บริษัท เนชั่นแนล ไอทีเอ็มเอ๊กซ์ จำกัด ได้รับการยอมรับในระดับสากลด้วยการคว้ารา...
...
มื่อวันพฤหัสบดีที่ 24 ตุลาคม 2567 บริษัท เนชั่นแนล ไอทีเอ็มเอ๊กซ์ จำกัด (NITM...
Top